head-mtwatsaischool
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ โรงเรียนมัธยมวัดไทรราษฎร์อุปถัมภ์
วันที่ 21 กันยายน 2023 11:42 PM
head-mtwatsaischool
โรงเรียนมัธยมวัดไทรราษฎร์อุปถัมภ์

นานาสาระ

หนูตกถังข้าวสาร

หนูตกถังข้าวสาร

วิเคราะห์สุภาษิต หนูตกถังข้าวสาร โชดดีจริงไหม? หนูตกถังข้าวสาร หากพูดถึงความโชคดีแล้วแน่นอนว่า ต้องเป็นสิ่งที่ใครๆต่างปรารถนาอยากให้มีโชคดีเกิดขึ้นในทุกวัน และจากสุภาษิตที่กล่าวว่าหนูตกถังข้าวสาร ก็เป็นหนึ่งในสำนวนที่สะท้อนถึงเรื่องราวความโชคดีของชีวิตชายคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีฐานะชื่อเสียงอะไรมากนัก แต่โชคดีได้ไปพบรักแล้วแต่งงานกับผู้หญิงที่มีฐานะร่ำรวยกว่าตน เมื่อผู้เขียนได้วิเคราะห์ตัวสุภาษิตนี้เห็นว่ามีความไม่สมเหตุสมผลในหลายๆ เรื่องเริ่มจากปกติสำนวนสุภาษิตเป็น การใช้ถ้อยคำหรือประโยคต่างๆในการเปรียบเทียบเปรียบเปรย เพื่อให้เห็นภาพที่ต้องการสื่อได้อย่างชัดเจนขึ้น สำหรับ สุภาษิต ‘หนูตกถังข้าวสาร’ นี้ หากเป็นสมัยที่ผู้เขียนยังคงเป็นเด็กผู้เขียนจะตีความว่า เป็นสำนวนที่สื่อถึงว่า คนๆนั้นช่าง โชคดีเสียจริง เหมือนหนูตกถังข้าวสารเลย จะมีใครสักกี่คนที่ได้ยินสำนวนนี้ครั้งแรกแล้วรู้ได้เลยว่า ผู้แต่งต้องการสื่อความหมายถึง ผู้ชายยากจนซึ่งได้แต่งการกับผู้หญิงร่ำรวย เรื่องที่สองคือต่อให้เรารู้ความหมายแท้จริงของมันแล้วตัวความหมายและสุภาษิตกลับไม่ได้มีความหมายสอด คล้องกันเท่าไรนัก ในบทความนี้ผู้เขียนจึงได้แยกมาเป็นข้อๆว่าทำไมสำนวนสุภาษิตนี้จึงไม่สมเหตุสมผลและความหมาย ที่แท้จริงควรเป็นอย่างไร

ชีวิตของฉันต่อจากนี้

ชีวิตของฉันต่อจากนี้

ชีวิตของฉันต่อจากนี้ …ความจริงความฝันความเปล่าเปลี่ยว ชีวิตของฉันต่อจากนี้ *เนื้อเรื่องต่อจากนี้อาจจะวนไปวนมาตรงที่เรายอมแพ้อุปสรรคชีวิต แล้วระเบิดร้องให้ ขอโทษค่ะ แต่ตอนนั้นเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราหลงทาง เราสับสน เราไม่เห็นแสงสว่างในความมืดเลย และอาจมีการเสริมเติมแต่งนิดนึงผสมความจริงกับความฝันเพราะตอนนั้นเราล่องลอยหลงทางมาก และมันเกิดขึ้น 20 กว่าปีแล้ว บางเหตุการณ์เราก็จำได้ไม่แม่นนักนะค่ะ    “ต่อไปเราจะเป็นอย่างไรนะ ตอนนี้มีชีวิตอยู่ได้ยืนอยู่ได้ก็เพราะยาเสตียรอยด์เท่านั้น จะเรียนจบไหม? จะมีงานทำไหม? จะกลับไปมึนทรมานเดินโซซัดโชเซอีกไหม จะโดนโจมตีที่สมองอีกไหม ฉันจะเป็นโรคอะไรก็ไม่อยากได้ยินอีกแล้ว หมอก็ไม่อยากหาอีกแล้ว” เราเหม่อมองไปบนท้องฟ้า และหวังว่าดวงดาวจะมอบคำตอบให้    ตอนนี้เหมือนเราแขวนป้ายบอกตัวเองว่าเป็น MS (ทั้งที่หมอบอกแค่ว่า”อาจจะเป็น”)     ตอนนั้นหมอเริ่มลดยาเสตียรอยด์เราแล้ว เพราะโดสที่เราได้คือโดสสูงสุด

เรื่อง Good Guy 

เรื่อง Good Guy 

เรื่อง Good Guy  ยอดชายนายคนดี เรื่อง Good Guy  ฌอนชายหน้าโหดร่างโตโหมดใจดีผู้ถูกเลี้ยงดูมาจากป้าของเขามาตั้งแต่พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตในวัยเด็ก เวลาผ่านไปฌอนได้ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กใน เนอสเซอรี่ ของป้าของเขาแล้วได้พบเหตุการณ์เข้าใจผิดกับฝ้ายคุณแม่ เลี้ยงของเด็กๆที่เขาดูแลจากคำขอโทษเล็กๆก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์แบบที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัวแต่เมื่อทุกอย่างกำลังไปได้ ดีนะสามีเก่าของฝ้ายกลับมาเพื่อขอคืนดี ความมั่นใจเริ่มสั่นคลอน ฌอนจึงตัดสินใจจะลาบวช แต่แล้วก็เกิด เหตุการณ์โจรจับลูกๆของฝ้ายเป็นตัวประกันทำให้ฌอนต้องทิ้งทุกอย่างแล้วพุ่งเข้าช่วยทุกคนไว้ได้แต่ แลกกับการถูกแทงฌอนฟื้นขึ้นมาอีกทีที่โรงพยาบาลแล้วนะยอมหลีกทางจากความดีของฌอนที่มีต่อฝ้ายและลูก Good Guy ยอดชายนายคนดี ฌอนชายหน้าโหดร่างโตสูงใหญ่แต่ใจดีผิดกับรูปลักษณ์ภายนอกทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่ที่เนอสเซอรี่ของคุณป้า ลัดดาซึ่งเป็นป้าของฌอนที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็กฌอนดูแลทุกคนที่เนอสเซอรี่เมือนว่าตนเป็นฮีโรของพวกเขา วันนึงฌอนได้รู้สึกตกหลุมรักฝ้ายคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นแม่ของไข่มุกและไพลินเด็กที่ตนคอยดูแลอยู่ ฌอนเริ่มสนิทกับฝ้ายผ่านเด็กๆทั้งสอง แต่เมื่อวันนึงนะสามีเก่าของฝ้ายได้กลับมาเพื่อจะขอคืนดีฌอนจะทำ อย่างไรเขาจะยอมเสียสละอย่างที่เขาทำมาตลอดชีวิตหรือไม่ ฝ้ายจะเลือกใครระฌอนคนใหวม่แสนดีกับนะรักาง เก่าที่ยอมกลับตัวเพื่อเธอระหว่างเหตุการณ์ที่ชวนทุกคนต้องตัดสินใจก็เกิดเหตุการณ์ลักพาตัวไข่มุกกับไพลินจาก แก๊งลักเด็กฌอนรีบมุ่งหน้าเข้าขัดขวางทันทีในระหว่างช่วยเหลือฌอนถูกทำร้ายอย่างหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล

ความทรงจำเมื่อวันวาน

ความทรงจำเมื่อวันวาน

ความทรงจำเมื่อวันวาน 14 ตุลาคม 2516 ความทรงจำเมื่อวันวาน ผมเกิดในสมัยเผด็จการทหาร สมัยนั้นผมเป็นเด็กผมไม่รู้สึกอะไรเรื่องการเมือง ผมไม่รู้ความหมายของ ประชาธิปไตย ไม่รู้ความหมายของเผด็จการ ผมเป็นเพียงเด็กที่เกิดขึ้นมาในรัชกาลที่ 9 ตอนที่ผมเกิดมีนายกชื่อจอมพลถนอม กิตติขจร รองนายกชื่อจอมพลประภาส จารุเสถียร ผมรู้แค่ว่าพ่อผมเป็นข้าราชการ แม่ผมเป็นแม่บ้าน ป้าผมเป็นครู อาผมเป็นอาจารย์ อาอีกคนเป็นตำรวจ ปู่กับย่าเป็นคนแก่ เราอยู่บ้านสวน เราไปตลาด ไปวัด ไปโรงเรียน ตามปกติ วันหยุดบางครั้งอาของผมไปดูหนังบ้าง ไปงานกาชาดบ้าง บางครั้งพ่อก็พาขับรถไปเที่ยวทะเลกัน 

รอยยิ้มที่ไร้ขา

รอยยิ้มที่ไร้ขา

รอยยิ้มที่ไร้ขา ของสังคมมนุษย์ รอยยิ้มที่ไร้ขา สายชล มองรถบนถนนที่วิ่งขวักไขว่ด้วยแววตาที่แห้งแล้ง และรู้สึกเบื่อหน่ายกับวิถี ชีวิตที่จำเจ และจอแจอย่างที่สุด  ใบหน้าที่เรียบเฉยแฝงไว้ด้วยความเบื่อหน่ายไม่มีรอยยิ้มให้กับใครในวันนี้  ความคิดในหัวพุ่งตรงไปยังโต๊ะทำงาน ทั้งที่ตัวยังยืนอยู่ในรถโดยสารสาธารณะ นี่กระมังที่เค้าว่าจิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์ มีความเร็วกว่าความเร็วแสงเสียอีก ความกังวล ความไม่พอใจในสิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน สร้างภาพขึ้นในความรู้สึก และกัดกินความสุขที่แทบจะไม่มีเหลืออยู่แล้วจนหมดเกลี้ยง ทำไมชีวิตมันจำเจอย่างนี้นะ ทำไมเราไม่สบายเหมือนคนนั้น  ทำไมเราไม่สวยเหมือนคนนี้  ทำไมชีวิตมันแสนน่าเบื่อ ฯลฯ  สายชลพร่ำบ่นความไม่พอใจต่างๆ ของชีวิตตนเองอยู่ในภวังค์ของไม่หยุดหย่อน ความเบื่อหน่ายก่อตัวคล้ายลูกบอลลูกกลมๆ สีตุ่น ไร้ความสดใส กระเด้งไปกระเด้งมาบนผนังของความคิด พร้อมกับเสียงสะท้อน “เบื่อ

โรงเรียนมัธยมวัดไทรราษฎร์อุปถัมภ์
โรงเรียนมัธยมวัดไทรราษฎร์อุปถัมภ์
โรงเรียนมัธยมวัดไทรราษฎร์อุปถัมภ์
โรงเรียนมัธยมวัดไทรราษฎร์อุปถัมภ์