ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ปะทะ ตุรกี เนเธอร์แลนด์ ถล่ม ตุรกี ยับด้วยสกอร์ 6 ต่อ 1 ขึ้นเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม G ในศึกฟีฟ่าเวิลด์คัพ รอบวันที่ 7 กันยายน ที่เพิ่งผ่านมานี่เอง โดยมี เมมฟิส เดปาย, เบิร์กไวจ์น และเบิร์กฮุส 3 นักเตะแดนหน้า ในส่วนของแดนกลาง
ได้ ไวจ์นัลดุม และ ดาวี คลาสเซ่นไวจ์ นัลดุม กันไว้อยู่ จบเกม ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ 2020 ยิงถล่มยับ ตุรกี เนเธอร์แลนด์ ชนะแบบขาดลอย ด้วยสกอร์ 6 ประตูต่อ 1 เรียกได้ว่า ยิงแบบไม่ไว้หน้ากันเลย มาติดตามรายละเอียดการยิงประตูกันดีกว่า
เริ่มต้นประตูแรก ในนาทีที่ 2 ทำประตูได้โดย เดวีย์คลาสเซ่น ต่อมา เมมฟิส เดปาย ทำประตูได้อีก 1 ประตูในนาทีที่ 16 ทำให้สกอร์วิ่งห่างออกไป เป็น 2 ประตูต่อ 0 ต่อมาในนาทีที่ 38 ได้เป็นจุดโทษ จึงทำให้สกอร์ของ ทีมชาติฮอลแลนด์ ล่าสุด ถอยห่าง ตุรกี ออกมาเป็น 3 ประตูต่อ 0
ด้วยความชำนาญของ สตีเฟน เบิร์กไวน์ เขาหาจังหวะหยอดบอลเข้าไป ทำให้เมมฟิส มีโอกาสโขกเก็บได้ไปอีก 1 ประตู สกอร์ขึ้นไปเป็น 4 ประตูต่อ 0 โค้งสุดท้ายของเกม เนเธอร์แลนด์ เจ้าถิ่นยังไม่หยุดทำประตู ได้ประตูจากการแทงบอลลากไปครึ่งสนาม ส่งไปถึง กุส ทิส
จังหวะนี้ กุสทิส โฉบเข้าไปดึงหลอก และหมุนตัวแฉลบข้าง ทำให้สกอร์เพิ่มขึ้นไปเป็น 5 ประตูต่อ 0 ปิดเกมในช่วงท้าย โดยการยิงประตูของ ดอนเยลล์ มาเลน ในนาทีที่ 90 ในขณะที่ตุรกี ได้ไปเพียง 1 ประตูใน นาทีที่ 90+2 การชนะของ ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ยูโร ในการแข่งครั้งนี้ ทำให้พวกได้เขากลายเป็นจ่าฝูง
ย้อนกลับไปในศึกฟีฟ่าเวิลด์คัพ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่เพิ่งผ่านมาระหว่าง ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ 2021 กับ มอนเตเนโกร ณ สนามฟิลิปส์ สตาดิโอน โดยมอนเตรเนโกร โดนเจ้าบ้านถล่ม ไปถึง 4 ประตูต่อ 0 จังหวะหนึ่งก่อนทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง เกมต้องหยุดชะงักนิดหน่อย เพราะอยู่ๆ มีหนุ่มน้อยแฟนบอลคนหนึ่ง
วิ่งลงไปในสนามพร้อมกันตรงดิ่งเข้าไปเซลฟี่กับ เมมฟิส เดปาย อย่าง นักเตะ ฮอลแลนด์ ตำนาน ฝั่ง เดปาย เมื่อเห็นหนุ่มน้อยวิ่งมาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าตัวก็ยอมให้ถ่ายแต่โดยดี ก่อนที่จะดันตัวเจ้าหนุ่มน้อยออกเพื่อให้เกมดำเนินต่อให้จบ ตัดภาพที่เจ้าหนูคนดังกล่าว หลังจากที่ได้ภาพตามที่ต้องการ
เขาก็ได้วิ่งกลับสแตนด์อย่างรวดเร็ว เกมการแข่งของ 11 ตัวจริง ทีมชาติฮอลแลนด์ และมอนเตเนโก ดำเนินต่อตามปกติ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วมาก ในเวลาไม่กี่วินาที หากมองเผินๆ เหตุการณ์ควรจะจบแค่ตรงนั้นเพราะที่ผ่านมาก็มีกรณีแฟนบอลเด็ก วิ่งลงสนามให้เห็นกันอยู่บ่อย และส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครติดถือสาเอาความอะไร
หากแต่ผลลัพธ์การลงมาเซลฟี่กับเดปาย ในระหว่างเกมการแข่งของ เนเธอร์แลนด์ กับมอนเตเนโก ครั้งนี้ ดูจะร้ายแรงและแตกต่างจากครั้งอื่นๆ แต่เคเอ็นวีบี ลงความเห็นว่า การที่เจ้าหนูอามินลงสนามไปแบบนั้น ไม่ถูกต้องเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากจบเกม สมาคมฟุตบอลฮอลแลนด์ ก็ได้มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ว่าเด็กหนุ่มที่วิ่งลงสนาม มีชื่อว่า อามิน อายุ 13 ปี ด้วยความที่มีกฎที่ว่า ห้ามบุคคลภายนอกไม่ว่าจะอายุเท่าไร
หรือด้วยเหตุผลอะไรลงไปในสนาม กำหนดไว้ชัดเจน และถือเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อไม่ให้แฟนบอลคนอื่นเอาอย่าง สมาคมฟุตบอลของประเทศฮอลแลนด์ จึงลงโทษอามินด้วยการปรับเงินเป็นจำนวน 86 ปอนด์ ซึ่งลดจากค่าปรับ 300 ปอนด์ จะว่าไปจำนวนเงินที่โดนปรับ ถือว่าไม่เท่าไร
แต่ที่หนักคือพวกเขาห้ามเจ้าหนูอามิน เข้าชมการแข่งขันทุกระดับ ในสนามฟิลิปส์ สตาดิโอน เป็นเวลากว่า 5 ปี กล่าวคืออามินจะสามารถเข้าสนามชมการแข่งขันได้อีกครั้ง ก็ต้องรอจนถึงอายุ 18 โน่นเลย นั้นคือราคาที่เจ้าหนูนี่ต้องจ่าย
เพื่อแลกกับการลงมาเซลฟี่กับเดปาย เพียงแค่ 15 วินาที หลังเหตุการณ์ทีครั้งนี้ อามินถูกเชิญไปออกรายการฟุตบอลรายการหนึ่ง เพื่อพุดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจ้าหนูอามิน ได้บอกว่า ผมมีชีวิตเพียงครั้งเดียว ผมจึงทำสิ่งนั้น มันน่าเศร้าที่ผมโดนแบนห้ามเข้าสนาม
แต่อย่างน้อยผมก็ได้เซลฟี่กับ เมมฟิส นี่เป็นข้อความที่อามินได้กล่าวไว้ในช่วงหนึ่งของรายการ จากนี้ให้หลังไม่กี่ชั่วโมง ความเห็นของแฟนบอลต่อ อามิน ก็แตกเป็น 2 ฝั่ง ทันที ฝั่งที่เห็นด้วยต่างบอกว่า อามิน เพิ่งจะอายุได้เพียง 13 ปี
แต่เด็กก็ย่อมทำอะไรแบบเด็กๆ การวิ่งลงสนามเพื่อถ่ายรูปกับไอดอลนักเตะโดยขาดการยั้งคิด ไม่ใช้ความผิดร้ายแรงถึงขั้นต้องแบนน้องมันถึง 4-5 ปี ขนาดนั้น ในส่วนของฝั่งที่ไม่เห็นด้วยนั้น อย่างยืนยันว่า แม้สิ่งที่อามินทำจะถูกใจใครหลายๆคน แต่อย่าลืมว่ามันไม่ถูกต้อง แต่แน่นอนว่ากฎต้องเป็นกฎ
การวิ่งลงไปในสนามของแฟนบอล นอกจากจะมีความผิด รวมถึงทำให้เกมหยุดชะงักแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงเป็นอันดับแรก คือความปลอดภุยของนักเตะ อามินอาจเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง ที่เพียงแค่วิ่งลงไปเซลฟี่กับเมมฟิส
แต่กลับกันหากเกิดเหตุไม่คาดคิดละ ถ้าครั้งหน้าเป็นประเภทแฟนบอลที่ตั้งใจลงไปป่วน หรือทำร้ายร่างกายผู้เล่น การเข้าถึงตัวแบบนั้นมันอันตรายมากๆ นี่ยังไม่นับสถานการณ์ โควิด-19 ที่ยังคงระบาด และควรเว้นระยะห่างระหว่างแฟนบอลกับนักเตะ เ
พราะฉะนั้น บทลงโทษ 5 ปี ของ อามิน ถือว่าเหมาะสมแล้ว อย่างน้อยอนาคตหากมีเด็กๆ หรือแฟนบอลคนไหน ทำแบบนี้อีก เขาจะได้คิดหน้าคิดหลังว่าผลที่ตามมามันจะคุ้มค่ากันไหม โดยนอกจากกรณีของเจ้าหนูอามินแล้ว โปรแกรมทีมชาติตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เริ่มมีการตั้งข้อสังเกต ว่าการลงไปเซลฟี่กับนักเตะ กำลังกลายเป็นเทรนให้ทำตามกันรึเปล่า อย่าง เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ จังหวะที่เข้าให้สัมภาษณ์หลังเกมกับสื่อ เจ้าตัวก็โดนแฟนบอลรายหนึ่งที่ โรงเรียนมัธยมวัดไทรราษฎร์อุปถัมภ์ วิ่งเข้ามาขอถ่ายรูป
หากแต่กัปตันฮอลแลนด์ รีบผลักแฟนบอลรายนั้นออก ก่อนจะมีการ์ดตามมาเข้าชาร์จอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาคาบเกี่ยว เกมระหว่าง อาเซอร์ไบจานกับโปรตุเกส บรูโน่ เฟอร์นัน ก็เจอเหตุการณ์ทำนองเดียวกันแต่ที่หนักคือจู่ๆ มีกลุ่มแฟนบอลบุกลงสนาม
เพื่อขอเซลฟี่กับ บรูโน้ ชนิดถึงตัว ล้อมหน้าล้อมหลัง ระหว่างเกมกำลังแข่งขันยังไม่จบ เหตุการณ์เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ อีกทั้งยังตั้งแต่คำถาม ถึงทีมรักษาความปลอดภัย ว่าทำไมถึงปล่อยให้แฟนบอล 3-4 คน เข้าถึงตัวบรูโน้แบบนั้น ได้ยังไง
แล้วคุณละ มีมุมมองต่อประเด็นนี้ยังไงกันบ้าง จะว่าไป แฟนบอลทุกคนต่างก็คงอยากจะเข้าไปใกล้ๆ นักบอลที่เราชื่นชอบ อยากเก็บภาพเซลฟี่สักภาพเพื่อเก็บไว้ดู มันคงจะเป็นความรู้สึกที่สุดจะประทับใจมากๆเลยทีเดียว
